วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2563

เรื่องที่ 16 อาหารนานาชาติ (อาหารอิหร่าน)

อาหารนานาชาติ
13.อาหารอิหร่าน
13.1 ลักษณะอาหารอิหร่าน


ในตำนานเรื่องเล่าของอิหร่านมีการกล่าวกันว่า สไตล์และปรุงอาหารของอิหร่านได้เริ่มขึ้นในรัชสมัยของกษัตริย์ ฎอฮาก (Zahhak). ก่อนหน้านั้นปิศาจ (demon) มีความคุ้นเคยกับศิลปะอันนี้ โดยสามารถปรุงอาหารที่อร่อยได้หลากหลายรสชาติ ไม่ว่าจะเป็นซุปต่างๆ ขนมต่างๆ .จากงานเขียนในยุคสมัยพะลาวีย์ในหนังสือ คุซรู วา รีดค์ ได้อธิบายถึงอาหาร และวิธีการปรุงอาหารในยุคสมัยของจักรวรรดิแซสซานิดเอาไว้ ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกถึงประวัติความเป็นมาของการประกอบอาหารในอิหร่านได้เป็นอย่างดี. ชื่อของอาหารอิหร่าน (เปอร์เซีย) จำนวนมาก ถูกใช้เรียกจนติดปากในภาษาอาหรับ ซึ่งสามารถพบเจอได้ในตำราอาหารภาษาอาหรับ. ในภาษาอาหรับมีหนังสือมากมายที่ถูกเขียนขึ้นเกี่ยวกับการประกอบอาหาร ซึ่งต่างมีความเกี่ยวเนื่องกับการประกอบอาหารของชาวอิหร่านอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นชื่อที่ใช้เรียก หรือคำต่างๆ ของทั้งสองชาติที่มีความคล้ายคลึงกัน. สิ่งเหล่านั้อาจเนื่องมาจากที่คนอิหร่านจำนวนมากในยุครัชสมัยแห่งคะลีฟะฮ์อับบาซีย์ได้เข้ามาช่วยบริหารกิจการบ้านเมือง และได้นำเอาวิถีชีวิตของพวกเขา (อาหารการกิน) มาเผยแพร่ในสังคมอาหรับ, ตัวอย่างที่เด่นชัดคือ วิธีการประกอบอาหารอิหร่านในช่วงสมัยอับบาซีย์ที่ได้รับความสนใจอย่างมากมายนั้นเอง. ในฉบับภาษาเปอร์เซีย มีหนังสือที่เฉพาะ เกี่ยวกับการประกอบอาหารอยู่ ๔ เล่ม ดังนี้
กอรนอเมะ ดาร บาเบ ตะบอคีย์ วะ ศันอัตเตออน , โดย ฮัจญีย์ มุฮัมหมัด อะลี บุลูรจีย์ บักดาดี ในรัชสมัย ชาฮ์ อิสมาอีล

มาดดะตุลหะยาต , โดย นูรุลลอฮ์ ออชพัซ ในรัชสมัย ชาฮ์ อับบาส

นุสเคะฮ์ ชาฮ์ ยะฮานีย์ , หนังสือเล่มนี้ได้ถูกเขียนขึ้นในรัชสมัยกษัตริย์ ชาฮ์ ยะฮานี (๑๐๖๘ - ๑๐๒๘) บรมกษัตริย์แห่งมงโกล

กอรเนเมะฮ์ , โดย นอเดร มีรซา ผู้เขียนหนังสือ ตอรีค ตับรีซ ในรัชสมัยกาจาร.

ความหลากหลายของอิหร่านอาหาร

อาหารทั้งหลายจะถูกแบ่งเป็นประเภทต่างๆ โดยขึ้นอยู่กับคุณสมบัติและเอกลักษณ์ที่เฉพาะ เช่นประเภทของอาหาร , วิธีการผลิตและการปรุงแต่ง , ความหลากหลายของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต หรือแม้กระทั่งความแตกต่างทางภูมิศาสตร์ สิ่งเหล่านี้คือตัวแสดงถึงอัตลักษณ์และประเภท ที่ทำให้ถูกรู้จักได้เป็นอย่างดี. หนึ่งในอาหารที่ขึ้นชื่อที่สุดของอิหร่านคือ ออบกุช (Abgoosht) , กุรเมะฮ์ ซับซีย์ (Ghormeh sabzi) และเคบาบอิหร่าน.
อาหารอิหร่านกับเทคนิคการทำอาหารอื่น ๆ

การประกอบอาหารของอิหร่านมีวิธีการที่คล้ายคลึงกับของประเทศเพื่อนบ้านอย่างเช่น อัฟกานิสถาน ,ทาจิกิสถาน , อาเซอร์ไบจาน , อาร์เมเนีย , อิรัก และตุรกี.
อาหารเช้าของชาวอิหร่าน

อาหารเช้า 

ถือเป็นอาหารหลักของวัฒนธรรมอิหร่าน. อะดะซีย์ , หะลีม และกัลเละพอเชะฮ์ คืออาหารมื้อเช้าที่เฉพาะและมีความสำคัญเป็นที่สุด ซึ่งมีผู้คนให้ความสนใจในการเลือกรับประทานเป็นจำนวนมาก และโดยเฉพาะวันหยุด ชาวอิหร่านจะเลือกอาหารประเภทนี้มารับประทานกัน. โดยประกอบจากวัตถุดิบ เช่น ธัญพืช (ข้าวสาลี) , ถั่ว , สัตว์เนื้อขาว (White meat) (มีในฮะลีม โดยส่วนมากจะใช้เนื้อไก่งวง) และน้ำมันพืช. โดยส่วนมาก ฮะลีม จะรับประทานในช่วงหน้าหนาว.

อ้างอิง https://th.wikipedia.org/wiki/

เรื่องที่ 15 อาหารนานาชาติ (อาหารเยอรมัน)

อาหารนานาชาติ
12.อาหารเยอรมัน
12.1 ลักษณะอาหารเยอรมัน
อาหารการกินของชาวเยอรมันจะต่างกันไปตามภูมิภาค แคว้นทางใต้ เช่น บาวาเรีย (Bavaria) อาหารจะคล้ายกับประเทศเพื่อนบ้านทางตอนใต้ คือ สวิตเซอร์แลนด์ และออสเตรีย ส่วนทางตะวันตกจะกรุ่นไปด้วยกลิ่นอายของวัฒนธรรมฝรั่งเศส ในขณะที่อาหารทางตะวันออกจะใกล้เคียงกับอาหารทางยุโรปตะวันออก และอาหารบริเวณชายฝั่งทางตอนเหนือจะใกล้เคียงกับอาหารแถบสแกนดิเนเวีย ตามปกติแล้ว อาหารมื้อหลักของวันคือมื้อกลางวัน ส่วนอาหารมื้อเย็นจะเป็นมื้อเล็ก เช่น แซนด์วิชชิ้นเล็ก ๆ อย่างไรก็ดี ด้วยสภาพการทำงานที่เปลี่ยนไป ชาวเยอรมันปัจจุบันบางส่วนจึงหันมาทานอาหารมื้อเย็นเป็นมื้อหลัก

ลักษณะการกิน

ตามปกติแล้ว อาหารมื้อหลักของวันคือมื้อกลางวัน ส่วนอาหารมื้อเย็นจะเป็นมื้อเล็ก เช่น แซนด์วิชชิ้นเล็ก ๆ อย่างไรก็ดี ด้วยสภาพการทำงานที่เปลี่ยนไป ชาวเยอรมันปัจจุบันบางส่วนจึงหันมาทานอาหารมื้อเย็นเป็นมื้อหลัก

อาหารเช้า (Frühstück) ส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วยขนมปัง เช่น ขนมปังปิ้ง ขนมปังก้อน ทาด้วยแยมหรือน้ำผึ้ง ไข่ กาแฟ (ส่วนเด็ก ๆ จะดื่มโกโก้ร้อน) อาหารจำพวกเนื้อ เช่น แฮมหรือซาลามี ชีสชนิดต่าง ๆ เครื่องทาขนมปังหลายประเภท เช่น ตับบด รวมไปถึงซีเรียลและมูสลี
เนื้อ

เนื้อหมู เนื้อวัว และเนื้อสัตว์ปีก เป็นเนื้อที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศเยอรมนี โดยเนื้อหมูเป็นที่ชื่นชอบมากที่สุด ส่วนในบรรดาเนื้อสัตว์ปีก เนื้อไก่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป แต่เนื้อเป็ด ห่าน และไก่งวง ก็มีให้เห็นเช่นกัน ส่วนเนื้อม้าถือเป็นอาหารจานพิเศษในบางเขตของประเทศเท่านั้น แต่ส่วนใหญ่จะไม่เป็นที่นิยมนัก

ชาวเยอรมันบริโภคเนื้อในรูปของไส้กรอกมากที่สุด ไส้กรอกของประเทศเยอรมนีประเทศเดียวมีถึง 1,500 ชนิด
ปลา

คนเยอรมันส่วนน้อยรับประทานปลา ปลาเทราต์เป็นปลาน้ำจืดที่พบได้บ่อยในเมนูร้านอาหารเยอรมัน การบริโภคอาหารทะเลนั้นมีแต่ในเขตทางตอนเหนือติดชายฝั่งของประเทศเยอรมนีเท่านั้น ยกเว้นปลาเฮร์ริงดองที่พบได้ทั่วไป ปัจจุบันปลาชนิดต่าง ๆ เช่น ปลาเฮร์ริง ปลาซาร์ดีน ปลาทูนา ปลาแมกเคอเรล และปลาแซลมอน มีผู้บริโภคทั่วประเทศ อาหารทะเลประเภทอื่นไม่ค่อยได้รับความนิยมนัก ยกเว้นหอยหรือกุ้งจากทะเลเหนือ ซึ่งมีราคาสูงมากเมื่อเทียบกับกุ้งที่นำเข้าจากต่างประเทศ
ผัก

อาหารจานผักมักจะอยู่ในรูปของสตูว์หรือซุปผักหลากชนิด นอกจากนั้นผักยังสามารถนำมาประกอบเป็นอาหารเครื่องเคียง ผักที่พบได้ทั่วไป เช่น แครอต ผักโขม ถั่ว และผักกาดชนิดต่าง ๆ ส่วนหัวหอมทอด ก็ถูกนำมาเป็นเครื่องเคียงของอาหารจานเนื้อหลายเมนู แม้ว่าอาหารในแถบบาวาเรียจะไม่ได้เป็นลักษณะนี้ก็ตาม ชาวเยอรมันจะไม่ถือว่ามันฝรั่งเป็นผัก ส่วนหน่อไม้ โดยเฉพาะหน่อไม้สีขาวนั้น เป็นที่ชื่นชอบของชาวเยอรมัน ทั้งที่เป็นเครื่องเคียงหรืออาหารจานหลัก ภัตตาคารบางแห่งจะไม่นำผักชนิดอื่นมาประกอบอาหารเลยยกเว้นหน่อไม้
เครื่องเคียง

เส้นหมี่ของชาวเยอรมัน จะแตกต่างจากพาสตาของชาวอิตาลี และมักจะมีส่วนผสมของไข่แดง โดยเฉพาะเส้นหมี่ที่พบทางตอนใต้ของประเทศที่เรียกว่า Spätzle มีส่วนผสมของไข่แดงในปริมาณมาก อย่างไรก็ดี เมื่อไม่นานมานี้ พาสตาแบบอิตาลีมีบทบาทมากขึ้น แม้แต่การผลิต Spätzle เองก็มักจะไม่มีส่วนผสมของไข่แดงเหมือนแต่ก่อนแล้ว นอกจากเส้นหมี่แล้ว มันฝรั่งและแป้งต้ม (Klöße หรือ Knödel) ยังเป็นที่นิยมกันมาก โดยเฉพาะทางตอนใต้ของประเทศ มันฝรั่งเริ่มมีอิทธิพลต่อการรับประทานของชาวเยอรมันในช่วงปลายศตวรรษที่ 18
เครื่องดื่ม

เบียร์เป็นเครื่องดื่มที่พบได้ทั่วประเทศ ชนิดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือเบียร์พีลส์ (Pils) จากสาธารณรัฐเช็ก ในขณะที่ชาวเยอรมันทางตอนใต้ (โดยเฉพาะในรัฐบาวาเรีย) จะนิยมชนิดลาเกอร์มากกว่า
เครื่องปรุง

มัสตาร์ดเป็นเครื่องเคียงที่พบบ่อยที่สุดเวลาชาวเยอรมันทานไส้กรอก มัสตาร์ดทางตอนใต้จะมีรสชาติหวานทานคู่กับไส้กรอกที่เป็นอาหารประจำแคว้นบาวาเรีย เช่น ไส้กรอกสีขาว (Weisswurst) ชาวเยอรมันมองกระเทียมว่าเป็น "สารก่อกลิ่นเหม็น" จึงไม่ค่อยมีบทบาทมากเท่าไรกับอาหารเยอรมัน แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผู้คนหันมาทานกระเทียมกันมากขึ้น สืบเนื่องจากอิทธิพลของอาหารฝรั่งเศสและอิตาลี

หากไม่นับมัสตาร์ดที่ทานคู่กับไส้กรอกแล้ว เราไม่ค่อยพบอาหารเยอรมันที่มีรสชาติเผ็ดร้อนสักเท่าไร สมุนไพรคู่ครัวชาวเยอรมันประกอบไปด้วย ผักชีฝรั่ง ใบไทม์ ใบลอเรล ต้นหอม แต่ที่นิยมมากที่สุดคือพริกไทย (ใช้ในปริมาณน้อย) จูนิเปอร์เบอร์รี และคาราเวย์ รวมไปถึงมินต์ เซจ ออริกาโน และพริก
ขนมหวาน

ประเทศเยอรมนีมีเค้กและพายหลายชนิด ส่วนมากมีส่วนประกอบของผลไม้สด เช่น แอปเปิล พลัม สตรอเบอร์รี และเชอร์รี ชีสเค้กเป็นขนมชนิดหนึ่งที่นิยมกันมาก ส่วนขนมโดนัทแบบเยอรมันนั้น จะมีลักษณะกลมและมีแยมหรือไส้ชนิดอื่นสอดอยู่ข้างใน ที่เรารู้จักกันดีว่า แบร์ลิเนอร์ (Berliner)

ไอศกรีมและซอร์เบตก็เป็นที่ชื่นชอบเช่นกัน ร้านไอศกรีมอิตาลีที่เห็นกันกลาดเกลื่อนทุกวันนี้เริ่มบุกเยอรมนีตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1920
ขนมปัง

ว่ากันว่าประเทศเยอรมนีนั้นมีขนมปังกว่า 1,000 ชนิด

อ้างอิง https://th.wikipedia.org/wiki/

เร่องที่ 14 อาหารนานาชาติ (อาหารออสเตรเลีย)

อาหารนานาชาติ
11.อาหารออสเตรเลีย
11.1 ลักษณะของอาหารออสเตรเลีย

อาหารพื้นเมือง

อาหารพื้นเมือง หรือที่เรียกกันว่า อาหารป่า (Bush Food) เป็นอาหารหลักของชนพื้นเมืองออสเตรเลีย ก่อนที่ชาวยุโรปจะเข้ามาตั้งถิ่นฐานที่นี่ในปี ค.ศ.1788 และเริ่มเอาอาหารยุโรปเข้ามาเผยแพร่ สมัยก่อนชนพื้นเมืองออสเตรเลียดำรงชีพด้วยการกินลูกเบอรี่ และผลไม้ต่างๆ จากธรรมชาติ ส่วนโปรตีนก็ได้มาจากจิงโจ้และนกอีมู ทุกวันนี้อาหารพื้นเมืองเหล่านี้หากินยากขึ้นมาก หากอยากลองชิมต้องไปตามร้านที่ขายอาหารพวกนี้โดยเฉพาะ ซึ่งมีอยู่ในบางพื้นที่เท่านั้น

อาหารปัจจุบัน

อาหารที่ชาวออสซี่นิยมกินกันทั่วไปในปัจจุบัน ได้รับอิทธิพลมาจากอาหารยุโรปค่อนข้างมาก โดยเฉพาะอาหารจากประเทศอังกฤษ อย่างเช่น อาหารปิ้งย่างสำหรับดินเนอร์ และฟิชแอนด์ชิพส์ ก็ถือว่าเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศออสเตรเลีย

เนื่องจากสภาพอากาศที่อบอุ่นออสเตรเลียจึงโชคดี เพราะมีวัตถุดิบสดใหม่และหลากหลายให้เลือกนำมาปรุงอาหารได้ตลอดทั้งปี รัฐบาลออสเตรเลียจึงพยายามสนับสนุนให้ประชาชน กินอาหารที่ปรุงจากวัตถุดิบสดใหม่ เน้นอาหารเพื่อสุขภาพ ไขมันต่ำ และไม่ใส่เกลือเยอะเกินไป เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพแข็งแรงปราศจากโรคภัย

อย่างที่เราทราบกันดีว่า ประเทศออสเตรเลียเต็มไปด้วยผู้คนจากหลากหลายประเทศทั่วทุกมุมโลก จึงทำให้ดินแดนแห่งนี้มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมเป็นอย่างมาก และอาหารการกินก็มีความหลากหลายมากเช่นกัน อาหารจากนานาชาติอย่าง ไทย จีน ญี่ปุ่น เวียดนาม รวมไปถึงฝรั่งเศส อิตาลี กรีซ และอังกฤษ ล้วนแล้วแต่ได้รับความนิยมในหมู่ชาวออสซี่

การกินอาหารกลางแจ้ง

ออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีอากาศดีเกือบตลอดทั้งปี ชาวออสซี่จึงนิยมกินอาหารกลางแจ้งกันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปิ้งย่างบาร์บีคิวกลางแจ้งในช่วงเดือนที่อากาศอบอุ่น ซึ่งแตกต่างจากบาร์บีคิวที่เสียบไม้ขายตามรถเข็นในไทยอยู่หลายขุม บาร์บีคิวของคนที่นี่จะจริงจังกว่าและประกอบไปด้วยวัตถุดิบหลายชนิด ตั้งแต่เนื้อหมูส่วนต่างๆ ไปจนถึงอาหารทะเลนานาชนิด รวมถึงเบอร์เกอร์ ไส้กรอก เคบับ และยังเสริมวิตามินด้วยผักย่าง หรือ สลัดผักต่างๆ เพื่อสุขภาพที่ดีอีกด้วย

อาหารทะเล

นอกจากออสเตรเลียจะเป็นประเทศที่มีอากาศดีแล้ว ออสเตรเลียยังเป็นเกาะที่ล้อมรอบไปด้วยน้ำ ดินแดนแห่งนี้จึงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยอาหารทะเลนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นปลาทูน่า ปลาแซลมอน ล็อปสเตอร์ ปูทะเล และกุ้งทะเลชั้นดี ซึ่งมีทั้งรสชาติอร่อยและเป็นอาหารไขมันต่ำที่ดีต่อสุขภาพ ในประเทศออสเตรเลียมีสัตว์น้ำต่างๆ มากถึง 6,000 ชนิด ที่ถูกจับมาเป็นอาหารและวางขายอยู่ทั่วไปในท้องตลาด คุณจึงเลือกกินได้ไม่มีเบื่อเลยทีเดียว

เครื่องดื่ม

ประเทศออสเตรเลียมีการผลิตไวน์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ ชาวออสซี่ส่งออกไวน์มากเป็นอันดับ 4 ของโลก ลองจากอิตาลี สเปน และฝรั่งเศส อุตสาหกรรมไวน์ทำเงินให้กับประเทศออสเตรเลียถึงปีละ 5.5 ล้านดอลล่าร์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเช่นเบียร์ ก็ได้รับความนิยมมากเช่นกัน โดยได้รับความนิยมมาตั้งแต่สมัยอาณานิคม ที่เจ้าอาณานิคมเอาเหล้ารัมเข้ามาเผยแพร่ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบการสังสรรค์และดื่มแอลกอฮอล์บ้างเล็กน้อย ออสเตรเลียก็น่าจะเป็นประเทศที่เหมาะกับคุณไม่น้อย

นอกจากมีชื่อเสียงโด่งดังเรื่องไวน์และเบียร์แล้ว ออสเตรเลียยังมีชื่อเสียงในด้านอุตสาหกรรมกาแฟอีกด้วย กาแฟยี่ห้อ Vittoria ของออสเตรเลียเป็นที่นิยมและได้รับการยอมรับจากคอกาแฟว่ามีรสชาติดีทีเดียว หากคุณมีโอกาสได้มาออสเตรเลีย เราขอแนะนำให้ลองชิม ‘flat white’ กาแฟลาเต้แบบไร้ฟองนม ที่ชาวออสเตรเลียคิดค้นขึ้น

ของหวาน


ชาวออสซี่มีขนมหวานหลายชนิดที่มีชื่อเสียงโด่งดัง อย่างเช่นขนม Pavlova ที่ถูกคิดค้นขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1935 โดย Bert Sachse และตั้งชื่อขนมตามนักบัลเล่ต์ชาวรัสเซียที่ชื่อ Anna Pavlova โดยเปรียบเทียบเมอแรงค์ที่อยู่ในขนมกับท่วงท่าในการเต้นบัลเล่ต์ว่ามีความพริ้วไหวบางเบาเหมือนกัน Pavlova มีฐานเป็นเมอแรงค์ ตกแต่งด้านบนด้วยครีมและผลไม้ โดยจะใช้สตรอเบอร์รี่หรือราสเบอร์รี่ในการตกแต่งก็ได้ ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน นอกจากนี้ก็ยังมีขนมหวานอย่าง Melba toast และ Peach Melba ที่ได้รับความนิยม และมีที่มาของชื่อจาก Dame Nellie Melba นักแสดงชื่อดังชาวออสซี่

วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2563

เรื่องที่ 13 อาหารนานาชาติ (อาหารลาว)

อาหารนานาชาติ
10.อาหารลาว
10.1ลักษณะของอาหารลาว
อาหารลาว เป็น อาหารของประเทศลาวและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ซึ่งแตกต่างจากอาหารเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อื่น ๆ อาหารลาวมีอิทธิพลแก่อาหารในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยเป็นอย่างมาก และอิทธิพลของอาหารลาวก็แผ่ไปถึงประเทศกัมพูชา และภาคเหนือของไทย ( ล้านนา ) อาหารหลักของลาวได้แก่ข้าวเหนียว ซึ่งจะรับประทานด้วยมือในความเป็นจริงชาวลาวจะรับประทานข้าวเหนียวมากกว่ากลุ่มใด ๆ ในโลก[1] ข้าวเหนียวถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่หมายถึงการเป็น ชาวลาว ชาวลาวหลายคนมักเรียกตนเองว่าลูกข้าวเหนียว ซึงแปลว่า เด็ก หรือ ลูกหลานของข้าวเหนียว ข่า,ตะไคร้ และ ปลาแดก(ปลาร้าในชื่อไทย) เป็นส่วนประกอบที่สำคัญในอาหารลาว
อาหารลาวที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ ลาบ (ลาว : ລາບ; อังกฤษ:laap) โดยนำเนื้อสัตว์ที่ยังดิบผสมคลุกเข้ากับเครื่องเทศ และอาหารหลักของลาวอีกอย่างคือ ตำหมากหุ่ง (ลาว: ຕໍາໝາກຫຸ່ງ; อังกฤษ:Tam mak Hoong) โดยนำมะละกอ (ลาว:ໝາກຫຸ່ງ;หมากหุ่ง ) มาตำลงพร้อมพริก กระเทียม มะเขือเทศ มะนาว และอื่น ๆ ตำหมากหุ่ง หรือชื่อเรียกที่เป็นที่รู้จักกันมากคือ ส้มตำ[
อาหารลาวจะมีความแตกต่างกันไปตามภูมิภาคต่าง ๆ และยังคงมีอิทธิพลของอาหารฝรั่งเศสซึ่งเคยเป็นเจ้าอาณานิคมหลงเหลืออยู่และยังเป็นที่นิยมในลาว โดยเฉพาะข้าวจี่ปาเต้ หรือข้าวจี่ลาวที่นำขนมปังฝรั่งเศสมายัดไส้ต่างๆ เช่น หมูยอ หมูหยอง แจ่วบอง ผักสด ซึ่งก็แตกต่างกันไปตามภูมิภาค ข้าวจี่ปาเต้นี้ยังเป็นที่นิยมในประเทศแถบอินโดจีนอย่างเวียดนามและกัมพูชาอีกด้วย



อ้างอิง https://th.wikipedia.org/wiki/

เรื่องที่ 12 อาหารนานาชาติ (อาหารเวียดนาม)

อาหารนานาชาติ
9.อาหารเวียดนาม
9.1 ลักษณะของอาหารเวียดนาม
อาหารเวียดนามเป็นอาหารประจำชาติของชาวเวียดนาม ซึ่งเป็นอาหารที่มีลักษณะโดดเด่นเป็นของตัวเอง ชาวเวียดนามกินข้าวเป็นอาหารหลักเช่นเดียวกับชาติอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และใช้เครื่องปรุงรสที่เป็นของหมักดองเช่นเดียวกัน เนื่องจากเวียดนามเคยถูกจีนและฝรั่งเศสปกครองจึงมีอิทธิพลของทั้งสองชาติปรากฏอยู่บ้าง นอกจากนั้น เนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์ที่ทอดยาวตามแนวชายฝั่ง ทำให้อาหารเวียดนามแต่ละภูมิภาคมีความแตกต่างกัน อาหารเวียดนามที่คนไทยรู้จักดีและเป็นเอกลักษณ์คือแหนมเนืองและขนมเบื้องญวนอาหารเวียดนามเป็นอาหารที่กินผักสดหลากหลายชนิดในแทบทุกเมนู และมีน้ำจิ้มที่หลากหลาย เครื่องปรุงรสส่วนใหญ่เป็นแบบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากกว่าจีน เช่น เครื่องปรุงรสเปรี้ยวใช้มะขามมะนาว ไม่นิยมน้ำส้มสายชู เครื่องปรุงรสเค็ม ส่วนใหญ่เป็น น้ำปลา น้ำกะปิ รองลงไปเป็นกะปิ ปลาร้า กุ้งจ่อม ใช้ซีอิ๊วแบบจีนน้อยมาก.
9.2 อาหารแต่ละภูมิภาค
  • อาหารเวียดนามภาคเหนือ มีอิทธิพลของอาหารจีนปรากฏชัดกว่าภูมิภาคอื่น มีแกงจืดแบบจีน และการผัดแบบจีนแพร่หลายมากกว่าภาคอื่นๆ
  • อาหารเวียดนามภาคกลาง ศูนย์กลางอยู่ที่เว้ มีอิทธิพลของอาหารในวังปรากฏชัดเจนมาก และมีรสเผ็ดมากกว่าอาหารภาคอื่น
  • อาหารเวียดนามภาคใต้ มีอิทธิพลของอาหารอินเดียและอาหารกัมพูชาปรากฏมากกว่า ใช้ผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์ที่หลากหลายกว่า







อ้างแิง https://th.wikipedia.org/wiki/

เรื่องที่ 11 อาหารนานาชาติ (อาหารสิงคโปร์)

อาหารนานาชาติ
8.อาหารสิงคโปร์
8.1ลักษณะของอาหารสิงคโปร์
อาหารสิงคโปร์ เป็นตัวบ่งชี้ความหลากหลายทางชาติพันธุ์ในสิงคโปร์ ซึ่งเดิมเป็นส่วนหนึ่งของมาเลเซีย และได้มีปฏิสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมมานานนับศตวรรษ อาหารได้รับอิทธิพลจากชาวพื้นเมืองมลายู ชาวจีน อินโดนีเซีย เปอรานากัน วัฒนธรรมตะวันตกซึ่งมาจากอังกฤษ และกลุ่มที่ได้รับอิทธิพลโปรตุเกสซึ่งเรียกชาวคริสตัง อิทธิพลจากพื้นที่อื่นๆ เช่น ศรีลังการ  ไทย ฟิลิปปินส์ และตะวันออกกลาง พบในอาหารพื้นเมืองเช่นกัน ในสิงคโปร์ อาหารถือเป็นสิ่งสำคัญ ในการกำหนดเอกลักษณ์ของชาติและความเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งในสิงคโปร์ การพบปะและรับประทานอาหารระหว่างวัฒนธรรมเป็นเรื่องปกติ อาหารสิงคโปร์ได้รับการส่งเสริมเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว รัฐบาลสิงคโปร์ได้จัดเทศกาลอาหารสิงคโปร์ในเดือนกรกฎาคมเพื่อส่งเสริมอาหารสิงคโปร์

สิงคโปร์เป็นประเทศเล็กที่มีประชากรหนาแน่นมาก ที่ดินเป็นทรัพยากรสำคัญที่จำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมและที่อยู่อาศัย ผลิตภัณฑ์และเครื่องปรุงส่วนใหญ่นำเข้ามา แม้ว่าจะมีกลุ่มเกษตรกรขนาดเล็กที่ปลูกผัก ผลไม้ หรือสัตว์ปีกและปลา เนื่องจากสิงคโปร์ตั้งอยู่บนเส้นทางการค้าที่สำคัญ จึงสามารถพบผลิตภัณฑ์และเครื่องปรุงทั่วโลกได้ที่นี่


อ้างอิง https://th.wikipedia.org/wiki/

วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2563

เรื่องที่ 10 อาหารนานาชาติ (อาหารอินเดีย)

อาหารนานาชาติ
7.อาหารอินเดีย 
7.1 ลักษณะของอาหารอินเดีย
มีลักษณะร่วมกันคือใช้เครื่องเทศ สมุนไพรและผักหรือผลไม้มาก มีทั้งพืชผักที่ปลูกในประเทศอินเดียและจากที่อื่นๆ นิยมกินอาหารมังสวิรัติในสังคมชาวอินเดีย แต่ละครอบครัวจะเลือกสรรและพัฒนาเทคนิคการทำอาหารทำให้มีความแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายทางด้านประชากรในอินเดีย
7.2 ส่วนผสม
เครื่องปรุงที่โดดเด่นของอาหารอินเดีย ได้แก่ ข้าว, อัตตะ (atta) (แป้งสาลีโฮลวีท) และเมล็ดถั่วหลายชนิด ที่สำคัญได้แก่ masoor (ส่วนใหญ่เป็นเม็ดถั่วเลนทิลสีแดง) channa (ถั่วเขียวเบงกอล) toor urad และถั่วเขียว เมล็ดถั่วอาจรับประทานทั้งเม็ด แบบเป็นซีก หรือทำเป็นแป้ง
แกงแบบอินเดียส่วนใหญ่ปรุงด้วยน้ำมันพืช ในภาคเหนือและตะวันตกของอินเดียนิยมน้ำมันถั่วลิสงสำหรับการทำอาหารในขณะที่ในภาคตะวันออกของอินเดียมีการใช้น้ำมันมัสตาร์ดมาก น้ำมันมะพร้าวใช้กันอย่างแพร่หลายตามแนวชายฝั่งตะวันตกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐเกรละ น้ำมันงานิยมทั่วไปในภาคใต้ ในปัจจุบัน น้ำมันเมล็ดทานตะวันและน้ำมันถั่วเหลืองได้รับความนิยมทั่วไปในอินเดีย เนยเทียมหรือที่เรียกว่า ghee Vanaspati เป็นที่นิยมมากขึ้น ฆีแบบดั้งเดิมมีการใช้น้อยลง
เครื่องเทศที่สำคัญและใช้บ่อยในอาหารอินเดียมีพริกขี้หนู เมล็ดมัสตาร์ดสีดำ (raiยี่หร่า (jeeraขมิ้นชัน (haldimanjal) เมล็ดฟีนูกรีก (methiขิง (adrakinjiผักชี (dhania) และกระเทียม (lehsunpoondu) เครื่องเทศผสมที่นิยมคือการัม มะสะล่า garam masala ผงที่มักจะมีเครื่องเทศแห้งห้าอย่างหรือมากกว่าโดยเฉพาะ กระวาน อบเชย และกานพลู Goda masala เป็นเครื่องเทศผสมที่คล้ายกันเป็นที่นิยมในรัฐมหาราษฏระ ใบไม้ที่ใช้โดยทั่วไปคือใบกระวาน ใบผักชี ใบฟีนูกรีก และใบสะระแหน่ พบในอาหารอินเดียใต้ อาหารหวานนิยมปรุงรสด้วยกระวาน, หญ้าฝรั่น ลูกจันทน์เทศและกลิ่นกุหลาบ










อ้างอิง : https://th.wikipedia.org/wiki/

เรื่องที่ 9 อาหารนานาชาติ (อาหารฮ่องกง)

อาหารนานาชาติ
6.อาหารฮ่องกง
6.1ลักษณะของอาหารฮ่องกง
อาหารฮ่องกงส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากอาหารจีน แต่ก็ใช่จะเหมือนเสียทีเดียวเพราะคนฮ่องกงนั้นเป็นนักดัดแปลงตัวยง เขาจึงคิดค้นตำรับอาหารสุดพิเศษ ที่ผสมผสานเทคนิคและวัตถุดิบซึ่งแตกต่างกันตามแต่ภูมิภาค กลายมาเป็นอาหารฮ่องกงอันแสนโอชะ และมีชื่อเสียงไปทั่วโลก แหล่งอาหารอร่อยของฮ่องกงจึงอาจพบได้ทั้งในโรงแรมหรูหรา ในศูนย์การค้า หรือแม้แต่ตามร้านข้างทางที่มีตำนานความอร่อยมาหลายช่วงอายุ
ติ่มซำ  คนฮ่องกงนิยมกินติ่มซำกับน้ำชาในยามเช้าและยามบ่าย จนมีวลีที่ว่า หยำฉ่า แต่ปัจจุบันติ่มซำเป็นอาหารที่หากินได้ทุกเวลาที่ต้องการติ่มซำฮ่องกงนั้นมีหลากหลายชนิดมาก แต่ที่เป็นต้นตำรับคือ ฮะเก๋า ซิ่วไหม่ และชาซิวเบ๋า ร้านติ่มซำที่มีชื่อมากที่สุดของฮ่องกง ได้แก่ Maxim’s Chinese Restaurant อยู่ที่ชั้น 2-3เฮนเนสซี เซ็นเตอร์ ถนนเฮนเนสซี เขตคอสเวย์เบย์


































อ้างอิง:http://pirun.ku.ac.th/~b521100282/Food.html

วันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2563

เรื่องที่ 8 อาหารนานาชาติ (อาหารเกาหลี)

อาหารนานาชาติ
5.อาหารเกาหลี
5.1ลักษณะของอาหารเกาหลี
แรกเริ่มเดิมทีเกาหลีเป็นประเทศเกษตรกรรม และชาวเกาหลีเพาะปลูกข้าวเป็นอาหารหลักมาตั้งแต่โบราณกาล มาในสมัยนี้อาหารเกาหลีจะเป็นตำหรับซึ่งประกอบไปด้วยเนื้อสัตว์นานาชนิด ปลา พร้อมด้วยพืชสีเขียวและผักต่าง ๆ อาหารหมักดองต่าง ๆ เช่น กิมจิช็อดกัล (젓갈 - อาหารทะเลหมักเกลือ) และท็อนจัง (된장 - ถั่วเหลืองหมักเหลว) ขึ้นชื่อในรสชาติโดยเฉพาะและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง
จุดเด่นในการตั้งโต๊ะอาหารเกาหลีคืออาหารจานต่าง ๆ ถูกนำมาจัดวางในคราวเดียวกัน โดยการปฏิบัติสืบทอดกันมา มีการเสิร์ฟอาหารประเภทเรียกน้ำย่อยเริ่มจากอาหาร 3 ชนิด สำหรับสามัญชนถึง 12 ชนิดสำหรับชนชั้นวงศานุวงศ์ การจัดโต๊ะอาหารต่างกันไปขึ้นอยู่กับว่ามีการเสิร์ฟอาหารจานก๋วยเตี๋ยวหรือ เนื้อหรือไม่ มีการแสดงการจัดโต๊ะอาหารตามกฎระเบียบให้ผู้สนใจเรื่องอาหารและการรับประทาน อาหารได้เห็น หากจะเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างจีนและญี่ปุ่นแล้ว เกาหลีนิยมใช้ช้อนมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการเสิร์ฟน้ำซุป
คนเกาหลีนิยมทานผักสด จะเห็นทุกครั้งบนโต๊ะอาหาร ก็คือ กิมจิ โดยในแต่ละมื้อจะต้องประกอบ 3 สิ่ง คือ ข้าว ซุป และกิมจิ อุดมด้วยคุณค่าทางโภชนาการจากซอสถั่วเหลือง ถั่วหมัก และน้ำมันงา ซึ่งได้แก่วิตามินและเกลือแร่ อาหารเกาหลีในปัจจุบันส่วนใหญ่มีรสชาติจัดจ้านและเค็ม โดยเฉพาะอาหารทางภูมิภาคทางตอนใต้ แต่ถ้าเป็นอาหารทางภูมิภาคตอนเหนือ รสชาติจะนุ่มนวลกว่า

























เรื่องที่ 7 อารหารนานาชาติ (อาหารญี่ปุ่น)

อาหารนานาชาติ
4.อาหารญี่ปุ่น
4.1 ลักษณะของอาหารญี่ปุ่น
ลักษณะเด่นของอาหารญี่ปุ่นคือ เน้นเรื่องรสชาติ การประดิดประดอย "พิถีพิถัน ในการจัดแต่งจานอาหารแต่ละชนิดด้วยลักษณะเฉพาะ เพื่อเน้นความงาม ความเรียบง่าย และความนับถือธรรมชาติที่เป็นผู้มอบอาหารให้แก่มนุษย์" และยังมีคำกล่าวมาแต่โบราณว่า "อาหารญี่ปุ่นเป็นอาหารประเภท 5 รสชาติ 5 สี และ 5วิธี" คำว่า 5 รสชาติ คือ หวาน เปรี้ยว เผ็ด เค็ม และขม 5 สี คือ ขาว เหลือง แดง เขียว และดำ 5 วิธีคือ ปรุงดิบ ต้
ม ย่าง ทอด และนึ่ง